สง่ามอเตอร์

บทความ

อย่าคิดว่า การล้างทำความสะอาดตู้แอร์ไม่สำคัญ

02-03-2563 17:30:05น.

         

             อย่าคิดว่า การล้างทำความสะอาดตู้แอร์ไม่สำคัญ..

            บางท่านอาจมองว่าการอยู่ในรถ  จะทำให้สามารถหลุดพ้นจากมลภาวะที่มีอยู่ภายนอกได้   แต่หารู้ไม่ว่าภายในรถยนต์ของท่านอาจจะมีภัยมืดที่อาจมองไม่เห็น   เช่น  ฝุ่นละออง  คราบสกปรกต่างๆ   จากการที่ไม่เคยล้างทำความสะอาดตู้แอร์มาก่อน   บางท่านอาจมีการเข้าใจผิดเกี่ยวกับการล้างตู้  ถ้ายังเย็นอยู่ก็อย่าไปล้างเลยเดี๋ยวตู้จะรั่ว  ถ้ารั่วแล้ว  จะล้างหรือไม่ล้าง  ยังไงก็ต้องรั่ว   แต่ที่ไม่ปรากฏอาการเพราะมีฝุ่นอุดรอยรั่วนั้นอยู่ ส่วนที่รั่วคือแผงคอยล์เย็นที่อยู่ในตู้อีกที  ทำมาจากอลูมิเนียมเป็น  ซี่ ๆ    เมื่อฝุ่น หรือคราบสกปรกเกาะทำปฏิกิริยากับความชื้น ทำให้เกิดกรดกัดกร่อน  ถ้าไม่คิดจะล้างเลยรั่วแน่  หรือ  บางท่านอาจคิดว่าล้างตู้แอร์ ยุ่งยากต้องรื้อถอดอุปกรณ์ออกมาล้างใช้เวลานานไม่สะดวก  ใส่กรองแอร์สะดวกที่สุด  แต่กรองแอร์ช่วยดักจับฝุ่นก็จริง  แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องคราบวุ้นในตู้แอร์  เรื่องกลิ่นอับ  เรื่องเชื้อโรค  เมื่อถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน   ราคาก็ค่อนข้างสูงอยู่  หรือบางท่านอาจเข้าใจว่ากลิ่นเหม็นนิดเดียว  ทำไมต้องเสียเงินล้างแพง ๆด้วย  โดยการที่ซื้อน้ำหอมปรับอากาศมาใช้ดับกลิ่นอับตามใจชอบ  แต่น้ำหอมพวกนี้เป็นสารระเหย  และจะไม่ระเหยไปไหนจะไปเป็นคราบเหนียวในตู้แอร์  ทำให้ฝุ่นเกาะได้ดีขึ้น  ล้างยากขึ้น การสูดเอาอากาศที่มีแต่ฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่อยู่ภายในรถ  อาจทำให้ท่านเกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจได้  และเป็นการป้องกันและรักษาสุขภาพควรที่จะล้างทำความสะอาดตู้  อย่างน้อยสุดปีละ 1 ครั้ง หรือ 20000  กิโลเมตรและอาจจะก่อน 1  ปี ก็ได้

 

            ปัจจัยที่มีผลต่อตู้แอร์

            1.น้ำหอมปรับอากาศ   เพราะสารเหล่านี้เป็นสารระเหย  เมื่อโดนความชื้นและความเย็นของแอร์ จะเปลี่ยนเป็นเมือกเหนียวกาะติดคอยล์เย็น  นานเข้าเปิดแอร์ก็จะเริ่มมีอาการลมออกมาเบา ก็ต้องเพิ่มระดับความเย็นขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะว่าลมไม่สามารถผ่านคอยล์เย็นแล้วออกมาทางหน้าคอนโซลได้

            2.การสะสมของเศษผง ฝุ่นละออง  และขนสัตว์    หากไม่มีการดูดฝุ่น หรือกำจัดฝุ่นละอองเหล่านี้ในห้องโดยสารเป็นระยะเวลานาน  จะเกิดการสะสมและอุดตันในแผงคอยล์เย็น เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ “ แอร์ตัน”  ได้

             3.พื้นที่การใช้รถยนต์    เนื่องจากสภาพบนท้องถนนเต็มไปด้วยมลภาวะต่าง ๆ  จากฝุ่น  ครันจากท่อไอเสีย  จะทำให้คอยล์เย็น  อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ผลิตความเย็นในห้องโดยสาร  กลายเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละอองและคราบสกปกต่าง ๆ แม้แต่การสูบบุหรี่ หรือ การนำอาหารเข้ามารับประทานในรถยนต์  ก็ทำให้เกิดเป็นกลิ่นอับ  กลิ่นเหม็นเปรี้ยวค้างอยู่ได้ บางคนคิดว่าเปิดแอร์ทิ้งไว้สักพักกลิ่นจะหายไปเอง   แต่ความจริงกลิ่นไม่ได้หายไปไหน   แต่จมูกเราชินกับกลิ่นก็เลยรู้สึกว่ากลิ่นหมดไป เมื่อปิดแอร์  และดับเครื่องยนต์  ความเย็นยังค้างอยู่  กลั่นตัวเป็นหยุดน้ำแล้วกลายเป็นคราบวุ่นในตู้แอร์  เป็นที่ที่เพาะเชื้อราและแบคทีเรีย  หลายชนิด

ที่ทำให้ภูมิต้านทานของเราพกพร่อง  เป็นหนึ่งสาเหตุของการไอ  จาม  และโรคภูมิแพ้ต่าง ๆได้ 

 

 

การทำความสะอาดตู้แอร์รถยนต์  มี 4 วิธี

1.การล้างตู้แอร์แบบถอดตู้   ต้องรื้อแล้วเอาคอยล์เย็นมาล้างข้างนอก  น้ำยาทำความสะอาดก็จะต่างกันไปแล้วแต่ช่างจะใช้  บ้างก็ใช้  ผงซักฟอก  โซดาไฟ  หรือน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่ถูกๆ เพื่อประหยัดต้นทุน  สารพวกนี้ล้างออกยาก เวลาประกอบกลับ  เปิดแอร์ จะรู้สึกว่ามีกลิ่นตกค้างอยู่ ถ้าล้างออกไม่หมดสามารถกัดกร่อนคอยล์เย็นและอะไหล่อื่นๆในระบบแอร์ รวมถึงคอมเพรสเซอร์ เพราะสารเหล่านี้เมื่อล้างไม่หมดโดนความร้อนจะแข็งตัวทำให้ลูกสูบติด ทำให้คอมแอร์น็อกได้  และบางคนอาจแพ้  ไม่เป็นผลดีกับระบบหายใจ  อาจมีแสบตา  แสบจมูก   การถอดล้างตู้แอร์แบบนี้  ต้องแว็คเติมน้ำยาใหม่และต้องเปลี่ยนไดเออร์กับวาล์ว  ถ้าไม่เปลี่ยนอาจทำให้ท่อแอร์รั่วได้เพราะความชื้อเข้าไปอยู่ในระบบจากการถอดตู้แอร์

2.การล้างแบบไม่ถอดตู้  เพื่อช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้น  เสร็จเร็วขึ้น  โดยทั่วไปเครื่องล้างตู้แอร์จะกำหนดน้ำยาที่ต้องใช้เฉพาะสำหรับการล้าง  บางที่อาจผสม  ผงซักฟอก หรือโซดาไฟ  ลงไปเพื่อให้ใช้น้ำยาล้างได้หลายคันขึ้น  เวลาล้างน้ำยาออกจะมีปัญหาเพราะเครื่องไม่ได้กำหนดให้ล้างสารเหล่านี้ ผลที่ได้คือเจ้าของรถต้องจ่ายแพงขึ้นแต่ได้การบริการที่ไม่มีคุณภาพ  การล้างแบบนี้เหมาะสำหรับรถใหม่หรือรถที่ล้างเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง  ถ้านานมากไม่เคยล้างเลยอาจมีความเสี่ยงสูงที่ตู้แอร์จะรั่ว

3.การฉีดสะเปรย์ทำความสะอาด  วีธีนี้ก็ไม่ต้องรื้อออกมา  เพียงแค่ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดให้ทั่วคอยล์เย็น  แล้วคราบน้ำยาจะค่อยๆไหลออกมาพร้อมกับน้ำแอร์ตามท่อน้ำทิ้ง  ถ้าตู้แอร์ไม่สกปรกวิธีนี้ก็ใช้ได้  แต่คงต้องฉีดกันบ่อย 2-3เดือนครั้ง และสเปรย์บางยี่ห้อจะช่วยขจัดกลิ่นอับด้วย

4.การใส่กรองแอร์  ไม่ใช่รถทุกรุ่นจะใช้ได้  เพราะกรองแอร์จะทำมาสำหรับรถอีกระดับ  ช่วยกรองฝุ่นต่ออายุการใช้งานได้อีกประมาณ  5000 กิโลเมตร  ต้องเปลี่ยนอันใหม่  ถ้าไม่เปลี่ยนลมแอร์จะผ่านตู้แอร์ไม่สะดวก  อ่อนกำลัง และลมที่ตีกลับจะมีผลต่อคอมเพรสเซอร์

 

ดังนั้น    การทำความสะอาดระบบแอร์    การกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ    ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์      จึงมีความสำคัญมาก   ที่เจ้าของรถควรจะพิจารณาเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับรถของท่าน     และเลือกร้านซ่อมที่มีมาตรฐานและน่าเชื่อถือได้    ที่จะทำให้รถของท่านมีการหมุนเวียนของอากาศดีขึ้น  ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็น และประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย

 

 

ทีมงานสง่ามอเตอร์

สาขาบางนา        โทร .  02-3165344-5  Fax : 02-3160465
สาขารังสิต          โทร . 02-9017744      Fax : 02-9017745
สาขาพระราม 3    โทร . 02- 2915955     Fax : 02-2915956