อย่าคิดว่า การล้างทำความสะอาดตู้แอร์ไม่สำคัญ
อย่าคิดว่า การล้างทำความสะอาดตู้แอร์ไม่สำคัญ..
บางท่านอาจมองว่าการอยู่ในรถ จะทำให้สามารถหลุดพ้นจากมลภาวะที่มีอยู่ภายนอกได้ แต่หารู้ไม่ว่าภายในรถยนต์ของท่านอาจจะมีภัยมืดที่อาจมองไม่เห็น เช่น ฝุ่นละออง คราบสกปรกต่างๆ จากการที่ไม่เคยล้างทำความสะอาดตู้แอร์มาก่อน บางท่านอาจมีการเข้าใจผิดเกี่ยวกับการล้างตู้ ถ้ายังเย็นอยู่ก็อย่าไปล้างเลยเดี๋ยวตู้จะรั่ว ถ้ารั่วแล้ว จะล้างหรือไม่ล้าง ยังไงก็ต้องรั่ว แต่ที่ไม่ปรากฏอาการเพราะมีฝุ่นอุดรอยรั่วนั้นอยู่ ส่วนที่รั่วคือแผงคอยล์เย็นที่อยู่ในตู้อีกที ทำมาจากอลูมิเนียมเป็น ซี่ ๆ เมื่อฝุ่น หรือคราบสกปรกเกาะทำปฏิกิริยากับความชื้น ทำให้เกิดกรดกัดกร่อน ถ้าไม่คิดจะล้างเลยรั่วแน่ หรือ บางท่านอาจคิดว่าล้างตู้แอร์ ยุ่งยากต้องรื้อถอดอุปกรณ์ออกมาล้างใช้เวลานานไม่สะดวก ใส่กรองแอร์สะดวกที่สุด แต่กรองแอร์ช่วยดักจับฝุ่นก็จริง แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องคราบวุ้นในตู้แอร์ เรื่องกลิ่นอับ เรื่องเชื้อโรค เมื่อถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน ราคาก็ค่อนข้างสูงอยู่ หรือบางท่านอาจเข้าใจว่ากลิ่นเหม็นนิดเดียว ทำไมต้องเสียเงินล้างแพง ๆด้วย โดยการที่ซื้อน้ำหอมปรับอากาศมาใช้ดับกลิ่นอับตามใจชอบ แต่น้ำหอมพวกนี้เป็นสารระเหย และจะไม่ระเหยไปไหนจะไปเป็นคราบเหนียวในตู้แอร์ ทำให้ฝุ่นเกาะได้ดีขึ้น ล้างยากขึ้น การสูดเอาอากาศที่มีแต่ฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่อยู่ภายในรถ อาจทำให้ท่านเกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ และเป็นการป้องกันและรักษาสุขภาพควรที่จะล้างทำความสะอาดตู้ อย่างน้อยสุดปีละ 1 ครั้ง หรือ 20000 กิโลเมตรและอาจจะก่อน 1 ปี ก็ได้
ปัจจัยที่มีผลต่อตู้แอร์
1.น้ำหอมปรับอากาศ เพราะสารเหล่านี้เป็นสารระเหย เมื่อโดนความชื้นและความเย็นของแอร์ จะเปลี่ยนเป็นเมือกเหนียวเกาะติดคอยล์เย็น นานเข้าเปิดแอร์ก็จะเริ่มมีอาการลมออกมาเบา ก็ต้องเพิ่มระดับความเย็นขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะว่าลมไม่สามารถผ่านคอยล์เย็นแล้วออกมาทางหน้าคอนโซลได้
2.การสะสมของเศษผง ฝุ่นละออง และขนสัตว์ หากไม่มีการดูดฝุ่น หรือกำจัดฝุ่นละอองเหล่านี้ในห้องโดยสารเป็นระยะเวลานาน จะเกิดการสะสมและอุดตันในแผงคอยล์เย็น เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ “ แอร์ตัน” ได้
3.พื้นที่การใช้รถยนต์ เนื่องจากสภาพบนท้องถนนเต็มไปด้วยมลภาวะต่าง ๆ จากฝุ่น ครันจากท่อไอเสีย จะทำให้คอยล์เย็น อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ผลิตความเย็นในห้องโดยสาร กลายเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละอองและคราบสกปกต่าง ๆ แม้แต่การสูบบุหรี่ หรือ การนำอาหารเข้ามารับประทานในรถยนต์ ก็ทำให้เกิดเป็นกลิ่นอับ กลิ่นเหม็นเปรี้ยวค้างอยู่ได้ บางคนคิดว่าเปิดแอร์ทิ้งไว้สักพักกลิ่นจะหายไปเอง แต่ความจริงกลิ่นไม่ได้หายไปไหน แต่จมูกเราชินกับกลิ่นก็เลยรู้สึกว่ากลิ่นหมดไป เมื่อปิดแอร์ และดับเครื่องยนต์ ความเย็นยังค้างอยู่ กลั่นตัวเป็นหยุดน้ำแล้วกลายเป็นคราบวุ่นในตู้แอร์ เป็นที่ที่เพาะเชื้อราและแบคทีเรีย หลายชนิด
ที่ทำให้ภูมิต้านทานของเราพกพร่อง เป็นหนึ่งสาเหตุของการไอ จาม และโรคภูมิแพ้ต่าง ๆได้
การทำความสะอาดตู้แอร์รถยนต์ มี 4 วิธี
1.การล้างตู้แอร์แบบถอดตู้ ต้องรื้อแล้วเอาคอยล์เย็นมาล้างข้างนอก น้ำยาทำความสะอาดก็จะต่างกันไปแล้วแต่ช่างจะใช้ บ้างก็ใช้ ผงซักฟอก โซดาไฟ หรือน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่ถูกๆ เพื่อประหยัดต้นทุน สารพวกนี้ล้างออกยาก เวลาประกอบกลับ เปิดแอร์ จะรู้สึกว่ามีกลิ่นตกค้างอยู่ ถ้าล้างออกไม่หมดสามารถกัดกร่อนคอยล์เย็นและอะไหล่อื่นๆในระบบแอร์ รวมถึงคอมเพรสเซอร์ เพราะสารเหล่านี้เมื่อล้างไม่หมดโดนความร้อนจะแข็งตัวทำให้ลูกสูบติด ทำให้คอมแอร์น็อกได้ และบางคนอาจแพ้ ไม่เป็นผลดีกับระบบหายใจ อาจมีแสบตา แสบจมูก การถอดล้างตู้แอร์แบบนี้ ต้องแว็คเติมน้ำยาใหม่และต้องเปลี่ยนไดเออร์กับวาล์ว ถ้าไม่เปลี่ยนอาจทำให้ท่อแอร์รั่วได้เพราะความชื้อเข้าไปอยู่ในระบบจากการถอดตู้แอร์
2.การล้างแบบไม่ถอดตู้ เพื่อช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้น เสร็จเร็วขึ้น โดยทั่วไปเครื่องล้างตู้แอร์จะกำหนดน้ำยาที่ต้องใช้เฉพาะสำหรับการล้าง บางที่อาจผสม ผงซักฟอก หรือโซดาไฟ ลงไปเพื่อให้ใช้น้ำยาล้างได้หลายคันขึ้น เวลาล้างน้ำยาออกจะมีปัญหาเพราะเครื่องไม่ได้กำหนดให้ล้างสารเหล่านี้ ผลที่ได้คือเจ้าของรถต้องจ่ายแพงขึ้นแต่ได้การบริการที่ไม่มีคุณภาพ การล้างแบบนี้เหมาะสำหรับรถใหม่หรือรถที่ล้างเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ถ้านานมากไม่เคยล้างเลยอาจมีความเสี่ยงสูงที่ตู้แอร์จะรั่ว
3.การฉีดสะเปรย์ทำความสะอาด วีธีนี้ก็ไม่ต้องรื้อออกมา เพียงแค่ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดให้ทั่วคอยล์เย็น แล้วคราบน้ำยาจะค่อยๆไหลออกมาพร้อมกับน้ำแอร์ตามท่อน้ำทิ้ง ถ้าตู้แอร์ไม่สกปรกวิธีนี้ก็ใช้ได้ แต่คงต้องฉีดกันบ่อย 2-3เดือนครั้ง และสเปรย์บางยี่ห้อจะช่วยขจัดกลิ่นอับด้วย
4.การใส่กรองแอร์ ไม่ใช่รถทุกรุ่นจะใช้ได้ เพราะกรองแอร์จะทำมาสำหรับรถอีกระดับ ช่วยกรองฝุ่นต่ออายุการใช้งานได้อีกประมาณ 5000 กิโลเมตร ต้องเปลี่ยนอันใหม่ ถ้าไม่เปลี่ยนลมแอร์จะผ่านตู้แอร์ไม่สะดวก อ่อนกำลัง และลมที่ตีกลับจะมีผลต่อคอมเพรสเซอร์
ดังนั้น การทำความสะอาดระบบแอร์ การกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ จึงมีความสำคัญมาก ที่เจ้าของรถควรจะพิจารณาเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับรถของท่าน และเลือกร้านซ่อมที่มีมาตรฐานและน่าเชื่อถือได้ ที่จะทำให้รถของท่านมีการหมุนเวียนของอากาศดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็น และประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย